หอคอยฟุคุโอะกะ (Fukuoka tower)
จาก JR hakata ด้วยรถประจำทางวิ่งรอบเมือง (Loop bus) ก็มาถึงหอคอยฟุคุโอะกะ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของจังหวัดนี้ โดยอยู่ในบริเวณที่เชื่อมต่อกับชายหาดโมะโมะจิ (Momochi seaside park) เพียงเดินข้ามถนน ทำให้หอคอยแห่งนี้ได้ชื่อว่า “หอคอยริมทะเล” ที่สูงสุดในประเทศบนความสูง 234 เมตร โดยมีจุดชมวิวรอบทิศทางที่ความสูง 123 เมตร ถ้ามาตอนกลางวันจะเห็นทิวทัศน์ตั้งแต่ทิศตะวันตกจรดทิศใต้ เช่น อ่าวฮะคะตะ (Hakata bay) แม่น้ำมุโระมิ (Muromi river) ภูเขาอะตะโกะ (Mt.Atago) และเกาะแก่งต่างๆ แต่ถ้าตอนกลางคืนทิวทัศน์จะกลายเป็นพื้นผิวสีดำแต่งแต้มด้วยแสงไฟระยิบระยับ
ส่วนด้านหน้าอาคารเมื่อถึงเทศกาลสำคัญจะมีการประดับไฟ เช่น รูปหัวใจในวันแห่งความรักเดือนกุมภาพันธ์ รูปดอกซะกุระ (Sakura) ในฤดูใบไม้ผลิเดือนเมษายน ชั้นล่างมีร้านขายของที่ระลึกหลายร้าน ร้านวาดรูปเหมือน ด้านนอกอาคารเป็นถนนร้านค้าต่างๆ ที่เปิดเรียงไปจนตัดกับถนนเลียบชายหาด เมื่อเดินข้ามทางม้าลายไปจะเข้าสู่อาณาเขตอันร่มรื่นของหาดโมะโมะจิ แต่ในวันธรรมดาแบบนี้เงียบมาก ทำให้เป็นถนนที่น่าวิ่ง น่าเล่นสเก็ตมาก ดังนั้น ใครที่ชอบความคึกคักควรมาวันหยุด หรือแวะจุดท่องเที่ยวใกล้เคียงในบริเวณนี้ เช่น พิพิธภัณฑ์เมืองฟุคุโอะกะ (Fukuoka city museum) และพิพิธภัณฑ์ศิลปะฟุคุโอะกะ (Fukuoka art museum)




ชายหาดโมะโมะจิ และมะริซอน (Momochi seaside park & Marizon)

เพียงข้ามถนนจากหอคอยฟุคุโอะกะก็เจอชายหาดโมะโมะจิอันยาวไกลสุดสายตาแล้ว บริเวณนี้เป็นส่วนหนึ่งของอ่าวฮะคะตะ โดยเป็นสวนสาธารณะอันร่มรื่นด้วยแนวต้นไม้ พร้อมเลนจักรยาน จึงเป็นจุดพักผ่อน และการเล่นกีฬาทางน้ำ ขณะที่อีกด้านหนึ่งเป็นหมู่อาคารตะวันตกบนระเบียงขนาดใหญ่ที่ยื่นออกไปในทะเลคืออาคารมะริซอน (Marizon) ซึ่งเป็นสถานที่จัดเลี้ยง โดยเฉพาะห้องจัดเลี้ยงแต่งงาน (Wedding hall) ที่คู่แต่งงานต้องจองล่วงหน้ายาวนานมาก หากเข้าไปอยู่ในอาคารแล้ว จะเหมือนลอยอยู่ในทะเลเลยทีเดียว และยังมีร้านอาหาร ร้านค้า ร้านขายของที่ระลึก ฯลฯ พร้อมท่าเรือเล็กๆ สู่สวนสนุกขนาดใหญ่ที่ซ่อนอยู่ด้านหลังของอาคาร



บรรยากาศโซนฟุคุโอกะทาวเวอร์

โระโบะสแควร์ (Robosquare) และน้องหมาไอโบะ (Aibo)
โระโบะสแควร์ (Robosquare) เป็นสถานที่รวบรวมหุ่นยนต์สัตว์สารพัดรูปแบบไว้ ตั้งอยู่บนชั้น 2 ของอาคารที่ทำการสถานีโทรทัศน์ทีเอ็นซี (TNC) โดยเฉพาะหุ่นยนต์น้องหมาไอโบะ (Aibo) ที่มีครบทุกรุ่นทุกโมเดลที่เคยจำหน่ายในช่วงปีค.ศ. 1999-2006 โดยเฉพาะโมเดลสุดท้ายก่อนหยุดพัฒนา (ปัจจุบันกลับมาพัฒนาต่อแล้ว) ได้พัฒนาให้ปฏิบัติตามคำสั่ง และโต้ตอบกับมนุษย์ได้ ซึ่งมีให้ชมเป็นขวัญตา แถมอนุญาตให้อุ้มเล่น และเจ้าหน้าที่ยังใจดีถ่ายรูปให้เป็นที่ระลึกอีกต่างหาก
หุ่นยนต์ไอโบะทรงอิทธิพลต่อคนญี่ปุ่นมาก เนื่องจากความน่ารักแสนรู้ ซึ่งโซนี่ (Sony) ได้พัฒนาเพื่อเป็นสัตว์เลี้ยงคอยมอบความสุขให้สมาชิกทุกคนในครอบครัว ได้รับแรงแรงบันดาลใจจากสุนัขพันธุ์บีเกิ้ล (Beagle)โดยรุ่นแรกโมเดลแรกคือ ERS-110 ผลิต 3,000 ตัว ขายในญี่ปุ่น และอีก 2,000 ตัว ขายในสหรัฐอเมริกา และเปิดให้จองทางอินเทอร์เน็ตในวันที่ 1 มิถุนายน ปีค.ศ. 1999 ซึ่งทั้ง 5,000 ตัว ขายหมดอย่างรวดเร็วภายในเวลาเพียง 20 นาที ราคาตัวละ 250,000 เยน หรือราว 60,000 บาท (คิดจากค่าเงิน 30 บาทต่อ 100 เยน)
จากนั้นโมเดลต่อมาก็ตามมาติดๆ ในเดือนพฤศจิกายนปีเดียวกัน คือ ERS-111 ที่ผลิตเพียง 3,000 ตัว แถมทำลายสถิติด้วยการขายหมดภายในเวลา 17 นาที ในปีต่อๆ มา ก็มีการออกรุ่นใหม่ๆ รวมแล้ว 4 รุ่น มากกว่า 10 โมเดล จนปีค.ศ. 2006 จึงหยุดพัฒนา และตามมาด้วยการปิดศูนย์บริการในปีค.ศ. 2013 ทำให้บรรดาเจ้าของน้องหมาที่มีความรักความผูกพันนำน้องหมาที่ใช้การไม่ได้แล้วมารวบรวมไว้ที่สุสาน พร้อมจัดพิธีทำบุญให้เป็นประจำทุกปี อันนี้ก็สะท้อนวิถีชีวิตคนญี่ปุ่นว่าปฏิบัติกับสัตว์เลี้ยง หรือแม้แต่หุ่นยนต์สัตว์เลี้ยงเทียบเท่าสิ่งมีชีิวิต โดยปัจจุบันโซนี่กลัับมาพัฒนาหุ่นยนต์น้องหมาไอโบะต่อ โดยเปิดให้มีการสั่งจองทางอินเทอร์เน็ตเช่นเดียวกันในช่วงต้นปี 2018 ด้วยราคาตัวละ 198,000 เยน
