เช้าวันใหม่เริ่มขึ้นที่สถานีรถไฟอะโสะเหมือนเดิม วันนี้ต้องกินเนื้ออะโสะ หรืออะโสะกิว (Asogyu) เพราะเป็นเมืองที่มีการทำฟาร์มวัวเช่นเดียวกัน จึงทำให้คิดถึงภาพเมื่อวานนี้ขณะนั่งรถประจำทางกลับลงมาจากภูเขาไฟอะโสะ (คนละเส้นทางกับขาไปที่ผ่านป่าสน) ก็ได้เห็นภาพฝูงวัว และฝูงม้าที่เลี้ยงดูโดยปล่อยให้ใช้ชีวิตท่ามกลางธรรมชาติบนภูเขา อันเป็นหนึ่งในเคล็ดลับความอร่อยของเนื้อญี่ปุ่น หรือวากิวอันลือชื่อ ดังนั้น เมื่อสถานีรถไฟอะโสะมีศูนย์ข้อมูลท่องเที่ยวประจำอยู่ด้วย จึงสอบถามถึงร้านเนื้ออะโสะในย่านนี้ เจ้าหน้าที่แนะนำร้านเก่าแก่ชื่อ “ฟุจิยะ” (Fujiya) โดยยกนิ้วโป้งยืนยันว่าเป็นร้านดีจริงๆ ราคาย่อมเยา และเดินทางสะดวก เพราะอยู่ห่างจากที่นี่ไปเพียงสถานีเดียวคือสถานีมิยะจิ (Miyaji) โดยตอนเที่ยงคิวจะยาวมาก
สถานีรถไฟมิยะจิ (Miyaji)
Fujiya ฟูจิยะร้านเนื้ออะโสะ และแฮมเบิร์กสเต็ก
จากสถานีมิยะจิ เดินข้ามทางรถไฟ และเดินต่อไม่ถึงร้อยเมตรก็เจอร้านแล้ว และเป็นร้านที่ให้ความรู้สึกว่าเก่าแก่จริงๆ ด้วยบรรยากาศการตกแต่ง และเป็นร้านเล็กๆ แนวปรุงอาหารกินเองในครอบครัว (Homemade) แต่สูงด้วยมาตรฐาน โดยมีประกาศนียบัตรรับรองการจำหน่ายเนื้ออะโสะทั้งนอกร้าน และในร้าน ส่วนเมนูนั้นมีให้เลือกไม่มาก จะเน้นอาหารชุดจากเนื้อสันนอกแบบสเต็ก (Sirloin steak set) เพราะถ้าเป็นเนื้อสันในจะนุ่มเกินไป ไม่เหมาะนำมาทำสเต็ก เซอร์ลอยด์สเต็กราคาเริ่มต้นที่ 2,600 -5,600 เยน ถ้าไม่เป็นชุดเริ่มต้นที่ 3,150 เยน และยังมีชุดสุดประหยัดอย่างแฮมเบอร์เกอร์ หรือแฮมเบิร์ก (Hamburg steak set) ด้วย เริ่มต้นที่ 1,200 เยน
ความย่อมเยาคือคอนเซ็ปท์ (ฮา) เลยเลือกชุดแฮมเบิร์ก ซึ่งเป็นเนื้อสับคลุกเครื่องเทศ โดยเนื้อสับปั้นเป็นก้อนกลมแบบนี้เป็นอาหารท้องถิ่นของอะโสะด้วย มีทั้งเนื้อม้า และเนื้อวัว เลยต้องลองดู ในชุดประกอบด้วยสลัดผัก ซุปข้าวโพด แล้วตามด้วยแฮมเบิร์กสเต็ก ซึ่งใช้เนื้อล้วนคลุกเครื่องเทศ นำลงทอด แล้วเสิร์ฟบนกระทะร้อน ราดด้วยซอสมะเขือเทศเข้มข้น พร้อมไข่ดาว พาสต้า แครอต และมันฝรั่ง แถมข้าวญี่ปุ่นอีกต่างหาก แนวงบน้อยเป็นอะไรที่คุ้มมาก อิ่มไปตลอดวันเลยทีเดียว (ฮา) นี่ยังไม่รวมขนมหวานที่ให้เลือกระหว่างไอศกรีมวานิลลา หรือกาแฟ
มีเวลาเหลือพอเดินดูบ้านเรือนชนบทแถวนั้น
Bakery ร้านขนมปังโฮมเมดหอมกรุ่นจากเตาที่สถานี Miyaji
อิ่มแล้วกลับได้ (ฮา) จากสถานีมิยะจิสู่สถานีอะโสะ
มิจิโนะเอะคิอะโสะ (Michi no eki aso)
Omae no yu onsen อุ่นสบายในวันฝนตก
บ่อน้ำพุร้อนธรรมชาติประจำท้องถิ่น อยู่ห่างจากสถานีรถไฟอะโสะ และลานน้ำพุร้อนราว 10 นาที ด้วยการเดิน มาถึงที่แล้ว จะพบบ่อศาลากลางแจ้งแบบแช่เท้าชิลๆ แต่ถ้าต้องการแช่ตัวเต็มๆ ก็ชำระค่าบริการในราคาย่อมเยาเพียง 400 เยน ซึ่งในตอนเย็นจะได้เห็นวัฒนธรรมการใช้ชีวิตของคนญี่ปุ่นที่ผูกพันกับบ่อน้ำพุร้อนด้วยการสวมยูคาตะ (Yukata) สุจจดชิล พร้อมตระกร้าใส่ของใช้ส่วนตัวต่างๆ เมื่อเข้าสู่บริเวณภายในก็เหมือนออนเซนทั่วไปคือมีจุดเปลี่ยนเสื้อผ้า ก่อนเข้าสู่บ่อน้ำพุร้อนที่มีส่วนอาบน้ำอยู่ในบริเวณเดียวกัน