ก่อนเช้าตรู่มาถึงที่สนามบินฟุคุโอะกะ บนเครื่องบินนั้นดวงไฟบนเพดานสว่างขึ้นแบบโดมิโน (Domino) ไล่จากท้ายลำไปด้านหน้า เป็นสัญญาณเตือนว่าอีกไม่นานจะเริ่มลดระดับการบินลง ผู้โดยสารที่หลับต่างโดนปลุกขึ้นมา ก่อนกัปตันจะประกาศว่าจะถึงสนามบินฟคุโอะกะราว 7 นาฬิกาตามเวลาท้องถิ่น ผู้โดยสารอย่าลืมปรับเวลาให้เร็วขึ้น 2 ชั่วโมง พร้อมพยากรณ์อากาศว่าวันนี้อุณหภูมิเฉลี่ย 20 องศาเซลเซียส อากาศกำลังดี แม้ท้องฟ้าจะไม่ค่อยแจ่มใส และอาจมีฝนตกเกือบตลอดวันก็ตาม ดังนั้น อย่าลืมเตรียมร่มให้พร้อม เมื่อถึงสนามบินแล้ว รันเวย์ชุ่มฉ่ำไปด้วยฝนจนพื้นถนนเป็นเงาวับ ขณะเตรียมลงจากเครื่อง พื้นที่ว่างระหว่างบันไดเครื่องบินกับชัตเติ้ลบัสที่มารอรับเข้าอาคารระหว่างประเทศ เจ้าหน้าที่สวมชุดกันฝน 3-4 คน ยืนยิ้มแฉ่งต้อนรับ และอีกหลายคนยืนเรียงแถวหันหน้าเข้าหากันเพื่อกางร่มเป็นแนวอุโมงค์ป้องกันไม่ให้ผู้โดยสารโดนฝนขณะเสียงทักทายท่ามกลางสายฝน นับเป็นบรรยากาศที่ใส่ใจตามแบบฉบับญี่ปุ่นจริงๆ
อาคารระหว่างประเทศสนามบินฟุคุโอะกะกระทัดรัดมาก เมื่อผ่านตรวจคนเข้าเมืองเรียบร้อยแล้ว ออกมาปุ๊บจะเจอจุดบริการต่างๆ และทางออกสู่ด้านหน้าอาคาร ซึ่งเป็นสถานีรถโดยสาร ทั้งป้ายรถประจำทาง และป้าย Free chuttle bus เข้าอาคารภายในประเทศ (เพื่อต่อรถไฟใต้ดิน) สำหรับการเข้าสู่ตัวเมืองฟุคุโอะกะ หรือเมืองฮะคะตะ นิยมทำ 2 แบบ คือรถไฟใต้ดิน และรถประจำทาง เนื่องจากวันแรกเลือกที่พักใกล้สถานีรถไฟ JR Hakata จึงเลือกนั่งรถประจำทางจากตรงนี้ไปเลย สะดวกดี ใช้เวลา 25 นาที ก็มาจอดป้ายฮะคะตะฟุโต (Hakatafutou) หน้า JR Hakata ประตูจิคุชิ (Chikushi gate) แล้ว
วิธีขึ้นรถประจำทาง
วิธีขึ้นรถประจำทางในญี่ปุ่น ใช้ได้กับทุกเมืองทุกจังหวัด คือก่อนขึ้นให้หยิบตั๋วจากตู้ข้างบันไดฝั่งขวา ในตั๋วจะระบุตัวเลข ถ้าขึ้นจากต้นทางจะได้เลข 1 เมื่อถึงที่หมายให้มองที่ป้ายหน้ารถจะระบุค่ารถไว้ เลข 1 (จากอาคารระหว่างประเทศสนามบินฟุคุโอะกะ) ลงสถานีฮะคะตะจิคุชิ (Hakata eki chikushi gate) ค่ารถ 260 เยน ตอนลงก็เตรียมเงินไปหยอดเหรียญที่ตู้ (ตู้สีฟ้าตามรูปบน) เครื่องจะทอนอัตโนมัติ หรือกรณีเป็นธนบัตรต้องแลกด้วยการสอดธนบัตรเข้าไปในตู้เครื่องแลกก่อน (ตู้สีเขียวตามรูปบน) ทั้งสองตู้อยู่ติดกันตรงด้านซ้ายของคนขับ ในกรณีใช้ตั๋วโดยสารแบบวันเดียวไม่อั้น (One day pass) แค่ยื่นให้คนขับดู
วันแรกชีวิตเริ่มต้นที่ JR Hakata, JR ย่อมาจาก Japan Railway หรือผู้ให้บริการระบบรถไฟรายใหญ่ของประเทศญี่ปุ่น มีสถานีรถไฟที่ไหน โดยเฉพาะตามเมืองหลัก ที่นั่นไม่เพียงเป็นศูนย์กลางคมนาคมที่รวมรถโดยสารทางบกทุกประเภทไว้ แต่ยังเป็นช้อปปิ้งคอมเพล็กซ์ที่รวมห้างสรรพสินค้า ซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านสะดวกซื้อ ร้านอาหาร ร้านกาแฟ ร้านขนม และอีกสารพัดร้านไว้ภายในนี้ด้วย ทำให้ศูนย์กลางของเมืองอยู่ที่สถานีรถไฟ ซึ่งต่างจากบ้านเรา
JR Hakata เป็นศูนย์รวมคมนาคมที่บรรยากาศพลุกพล่านตลอดวัน ผู้คนเดินสวนกันไปมาขวักไขว่ และเต็มไปด้วยป้ายบอกทาง หากต้องการไปที่ไหน เพียงหยุดเดินแล้วอ่านป้าย ก็จะพบป้ายบอกไปจุดนั้นๆ เช่น ศูนย์ข้อมูลท่องเที่ยว (Information center) ห้องขายตั๋ว JR ทางไปชานชาลา สถานีชิงคันเซง สถานีประจำทาง สถานีรถไฟใต้ดิน ฯลฯ นอกจากนี้ ยังเป็นศูนย์รวมความสะดวกสบาย และเป็นแหล่งช้อปปิ้งที่ดี โดยมีห้างสรรพสินค้าไม่น้อยกว่า 3-4 ห้าง ซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านค้า ร้านขายของที่ระลึก ซึ่งจะมีผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นที่เป็นสัญลักษณ์ของจังหวัด เช่น เมนไทโกะ (Mentaiko) หรือไข่ปลา ข้าวกล่องสถานีรถไฟ หรือเอะคิเบน (Ekiben) ที่เป็นสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรม เป็นต้น
เมนไทโกะ (Mentaiko) สัญลักษณ์ของจังหวัดฟุคุโอะกะ
เมนไทโกะ (Mentaiko) เป็นไข่ปลาตระกูลปลาค๊อด (Cod) รสชาติเค็มๆ มันๆ เป็นอาหารท้องถิ่นที่เป็นสัญลักษณ์ความอร่อยของจังหวัดฟุคุโอะกะ มีทั้งแบบพวงเหมือนไข่ปลาทั่วไป และแบบที่แกะเป็ดเม็ดเล็กๆ บรรจุในขวดโหล หรือในหลอด (ตอนแรกคิดว่าโลชั่น-ฮา) และยังมีแบบปรุงรสเผ็ดด้วย เรียกว่าคะระชิเมนไทโกะ (Karashi mentaiko) โดยนำมาดองเค็มกับเกลือ และพริก มีหลายระดับความเผ็ดให้เลือก กินกับข้าวญี่ปุ่นร้อนๆ อร่อยมาก และยังนิยมนำมาตกแต่งอาหารเหมือนไข่ปลาคาเวียร์ (Cavier) ด้วย เมนไทโกะมีขายที่ร้านขายของที่ระลึกเกือบทุกแห่งในจังหวัดฟุคุโอะกะ ส่วนที่สถานีรถไฟฮะคะตะอยู่บริเวณด้านหน้าซูเปอร์มาเก็ต พร้อมมีให้ชิม และบางร้านมีหม้อหุงข้าวเสิร์ฟเมนไทโกะพร้อมข้าวร้อนๆ แบบคำเดียวกันเลย
เอะคิเบน (Ekiben) อาหารกล่องสถานีรถไฟ
เอะคิเบน (Ekiben) หรือข้าวกล่องสถานีรถไฟ มาจากคำว่า “เอะคิ” (Eki) แปลวว่าสถานีรถไฟ และเบนโต (Bentou) ที่แปลว่าข้าวกล่อง เป็นอีกหนึ่งวิถีชีวิตของคนญี่ปุ่นมานับร้อยปีแล้ว โดยนิยมซื้อขึ้นไปกินบนรถไฟระหว่างเดินทาง กรณีเดินทางไกล หรือไปกินในที่ทำงานกรณีมนุษย์เงินเดือน จุดเด่นคือเป็นอาหารที่ปรุงจากวัตถุดิบท้องถิ่น ทำให้แต่ละสถานีในแต่ละเมืองมีเอะคิเบนที่มีลักษณะเฉพาะของตัวเอง รวมกับความคิดสร้างสรรค์ในการออกแบบจัดวาง และหีบห่อที่สวยงาม จึงเป็นอาหารทางวัฒนธรรม และยังเป็นธุรกิจที่มีการแข่งขันสูงด้วย นอกจากนี้ ยังมีการประกวดเอะคิเบนของสถานีรถไฟทั่วประเทศเพื่อสร้างมาตรฐาน เมื่อสถานีใดได้รางวัล นักกินจะตามไปกิน ไม่เฉพาะนักท่องเที่ยวต่างชาติ แต่รวมคนญี่ปุ่นเองด้วย และที่สถานีรถไฟ JR Hakata ก็มีร้านเอะคิเบนระดับรางวัลเช่นกันคือร้านเอะคิเบนโต (Ekibentou) ที่คึกคักมากในตอนเช้า ราคาเฉลี่ย 800 – 1,000 เยน หรือสูงกว่านี้ก็มี ขึ้นอยู๋กับวัตถุดิบ และการออกแบบที่สวยจนไม่กล้ากิน ถ้ามาสถานีรถไฟตอนเช้า บรรยากาศจะคึกคักมาก และแถวจะยาวมาก
ห้างอะมุพลาซ่า (Amu plaza)
Tips การใช้ร่มในฤดูฝน
- เลือกซื้อร่มกันฝนแบบรูปข้างบน หรือแบบพลาสติกใสที่ราคาย่อมเยาเพียง 1,000 เยน ซื้อได้ตามร้านค้าท้องถิ่นในตลาด (Shopping arcade) ในร้านสะดวกซื้อ ไม่แนะนำร่มแบบพับ แม้จะสะดวกพับเก็บได้ แต่ไม่สามารถต้านแรงลมได้เลย (ลมมาพี่ร่มเงิบทันที – ฮา)
- สถานที่ต่างๆ จะมีที่เก็บร่มหน้าประตูทางเข้าเสมอ บางที่มีซองพลาสติกใส่ร่มให้ด้วยเพื่อป้องกันน้ำฝนหกเลอะเทอะ และกรณีลืมร่ม โดยทั่วไปกลับไป ร่มจะยังอยู่ที่เดิม
แผนกเครื่องครัวที่ห้างโตกิวแฮนด์ส (Tokyu hands) 
